ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีอยากรวยต้องอ่าน

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี



กล่าวไว้ว่าถ้าเราอยากจะเป็นแบบใครก็ให้เรียนแบบคนที่เป็นแบบนั้นซึ่งถ้าเราอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวยแล้วแล้วก็แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องเรียนรู้วิธีคิดในแบบของคนที่รวยๆดังนั้นในวันนี้แอดมินก็เลยมี 15 คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีระดับโลก 10 การมาฝากกันและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเรียนรู้วิธีคิดของเขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า

เรามาเริ่มต้นกันที่คำคมแรกของวอร์เรนบัฟเฟตต์นักลงทุนผู้โด่งดังชาวอเมริกากันโดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า if you don't Find the way to make Money while You Sleep you will work Until You Die ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่จะหาเงินได้ในขณะที่คุณหลับคุณก็จะต้องทำงานไปอย่างนี้จนกระทั่งคนตายซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่คุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ต้องการที่จะสื่อไปถึงนั้นก็หน้าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการลงทุนที่มันให้ผลตอบแทนในรูปแบบของภาษีเป็นคำนั้นเองเมื่อที่

คำคมประโยคที่ 2 ที่ก็ยังเป็นของคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ที่เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า If you buy Things You don't need you will have to sell Things you need ซึ่งตรงนี้ก็สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงตัวเลยว่าถ้าคุณซื้อสิ่งต่างๆที่คุณนั้นไม่จำเป็นอีกไม่นานคุณก็ต้องขายสิ่งต่างๆที่คุณจำเป็นดังนั้นแล้วจะลงทุนอะไรจะใช้จ่ายอะไรก็ไตร่ตรองถึงความจำเป็นให้ถี่ถ้วนกันนะเมื่อกี้

คำคมในลำดับที่ 3 ที่ยังคงเป็นคมความคิดของวอร์เรนบัฟเฟตต์อีก 1 ประโยคที่เขานั้นเคยได้กล่าวไว้ว่า do not Say What Is Love After spending by Spain What Is Love After Saving ที่มันมีความหมายว่าจงอย่าเก็บออมเงินหลังจากที่คุณเหลือจากการใช้จ่ายแต่จงใช้จ่ายหลังจากที่คุณเหลือจากการเก็บออมแล้วซึ่งจะวิธีคิดแบบนี้หลายคนมักเรียกกันว่าหลักสูตรเงินล้านเพราะว่าคนทั่วไปเนี่ยมักจะคิดออมเงินหลังจากหักรายจ่ายเรียบร้อยแล้วแต่คนรวยมักจะคิดตรงกันข้ามจึงเป็นที่มาของคำที่ว่าออมก่อนรวยกว่านั้นเองมาถึง

ความคิดในประโยคที่ 4 ที่มันของนักพูดชื่อดังอย่างโทนี่รอบบิ้นที่เขาได้กล่าวไว้ว่า is not what we do Once in a while the Shape Our Life Is what we do consistently ซึ่งตรงนี้มันก็หมายความว่ามันไม่มีอะไรที่คุณทำมันนานๆครั้งแล้วจะสร้างชีวิตคุณให้เป็นรูปเป็นร่างได้มันเป็นอะไรที่ต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอต่างหากที่จะทำให้ชีวิตคุณประสบความสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาตรงนี้ฟังดูนะอาจจะเข้าใจยากสักนิดนึงนะแต่แอดมินจะขอสรุปให้ฟังง่ายๆว่าความสม่ำเสมอนั้นมันก็คือกุญแจสำคัญที่จะนำเราให้ไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จยกตัวอย่างแบบง่ายๆก็เช่นวันนี้คุณถูกๆนี้จบแล้วคุณบอกกับตัวเองว่าเอาล่ะอีก 1 ปีนับจากนี้คุณจะต้องเก็บเงินให้ได้ 100,000 บาทซึ่งนั่นก็หมายความว่านับตั้งแต่วันนี้คุณจะต้องเก็บเงินให้ได้วันละ 200-300 บาทแต่ถ้าคุณไม่มีความสม่ำเสมอเก็บบ้างไม่เก็บตังค์ครบ 1 ปีคุณก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จไม่มีทางเก็บเงินได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นแล้วแต่คุณอยากประสบความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใดๆก็ตามกูจะต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอมาถึง

คำคมที่ 5 ที่เป็นของหนึ่งในเจ้าพ่อวงการไอทีอย่างบิลเกตส์ที่เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า If you are Born Poor It's Not Your mistake but If you die for it ช่วงนี้สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงๆเลยถ้าคุณเกิดมาจนมันไม่ใช่ความผิดอะไรของคุณแต่ถ้าคุณนั้นตายแบบจนๆนั่นแหละมันคือความผิดของคุณโดยประโยคนี้เนี่ยมันเป็นอะไรที่ชัดเจนมากเพราะแอดมินได้มีโอกาสเห็นเพื่อนๆแอดมินหลายคนเลยที่มักจะตัดพ้อในโชคชะตาชอบโพสต์ Facebook ว่าตัวเองนั้นเกิดมาจนเป็นคนระดับรากหญ้าเกิดมาต้นทุนต่ำซึ่งแอดมินก็หวังว่าคุณจะไม่ใช่คนหนึ่งที่มีความคิดอะไรแบบนี้นะ

มาที่คมความคิดที่ 6 ที่เป็นของคุณมาร์คซัคเคอร์เบิร์กที่เขาได้กล่าวไว้ว่า The biggest risk is not to taking any และอธิบายข้อความนี้ในเชิงลึกไปด้วยว่าความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการที่มันไม่มีความเสี่ยงเลยในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างทุกวันนี้คนละยุคเดียวที่มันจะการันตีความล้มเหลวของคุณนั่นก็คือการที่คุณไม่ยอมที่จะเสี่ยง

มาที่คมความคิดที่ 7 ที่ยังคงเป็นของคุณมาร์คซัคเคอร์เบิร์กอยู่ที่เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า People Don't care about What you say about What you beautiful girl หมายความว่าผู้คนไม่แคร์หรอกกับสิ่งที่คุณพูดพวกเขาแคร์กับสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเท่านั้นซึ่งประโยคนี้ถ้าจะเปลี่ยนเป็นคำถามง่ายๆก็อาจจะคล้ายๆกับคำว่าค่าของคนมันย่อมอยู่ที่ผลของงานหรือไม่กับคำว่าการกระทำนั้นย่อมดังกว่า

คำพูดความคิดที่ 8 รับที่เป็นของคุณ demon จรที่เป็นนักธุรกิจและนักจัดรายการชื่อดังชาวอเมริกันที่เขาเคยกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า Don't wait for the perfect Time To Be Best For Ever it take advantage of the time that you are given and Make It Perfect for you นี้มันหมายความว่าอย่ารอจนกระทั่งเวลาที่เพอร์เฟคมันมาถึงแล้วคุณอาจจะต้องรอมันไปตลอดกาลจงใช้โอกาสในช่วงเวลาที่คุณมีเสมอและจงทำให้สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคุณแม่เมื่อถึงออฟฟิศ

ที่ 9 ที่เป็นของคนที่เราต่างรู้จักกันดีอย่างคุณจิ๊บจ๊อบนะที่เขาได้เคยกล่าวไว้ว่า your time is limited So Don't Waste it Living Someone else's Life ตรงนี้ก็น่าจะหมายความว่าเวลาของคุณนั้นมันมีจำกัดดังนั้นจงอย่ามัวเสียเวลาใช้ชีวิตภายใต้ร่มเงาของใครๆ

มาถึงประโยชน์ที่ 10 ปีก็ยังคงเป็นของคุณสตีฟจ๊อบอยู่นะที่เป็นความคิดที่สั้นมากๆที่เขาได้กล่าวไว้ว่าได้ Hungry ที่ใดที่สามารถแปลออกมาได้แบบตรงตัวอะไรบ้างจงกระหายอยู่เสมอและก็ทำตัวให้โง่อยู่เสมอหรืออีกนัยหนึ่งก็อาจจะคล้ายๆกับคำถามที่ว่าจงอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วนั่นเองและก็จงจำเอาไว้เสมอว่าในโลกใบนี้เนี่ยมันมักจะมีคนที่รู้เยอะกว่าเราหรือเก่งมากกว่าเราในบางเรื่องเสมอหมายถึง

ความคิดที่ 11 กับที่เป็นของอดีตนักธุรกิจชื่อดังอย่างคุณจิมโรห์นที่เขาเคยได้กล่าวไว้ว่า your learning English You Know your learning English to Action ซึ่งตรงนี้ก็หมายความว่าอย่าปล่อยให้การเรียนรู้ของคุณนำไปสู่ความรู้จงนำสิ่งที่คุณเรียนรู้ให้ไปสู่การกระทำเพราะว่าถ้ามีความรู้แล้วไม่นำไปใช้มันก็คงไม่เกิดประโยชน์ใดๆจนอาจจะกลายเป็นเหมือนคำที่คนมักชอบพูดกันว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็เป็นได้

มาถึงคมความคิดที่ 12 ที่เป็นของผู้หญิงอย่างคุณ Adidas ที่เธอได้เคยกล่าวไว้ว่า on Things We don't need to impress people who don't care เขียนข้อความนี้ของเธอก็หมายความว่าเรามักใช้จ่ายเงินที่เราไม่มีไปกับสิ่งที่เราไม่ได้มีความจำเป็นเพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งพวกนี้ซึ่งข้อความตรงนี้ของเธอเนี่ยก็ทำให้แอดมินนึกไปถึงคำว่าหาเก่งก็ไม่เท่ากับเก่งและแอดมินก็เชื่อว่าการที่คุณใช้จ่ายเงินในอนาคตไปกับสิ่งก็รู้ที่มันไม่จำเป็นมันก็คงไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการเงินแน่ๆไม่ได้

คมความผิดที่ 13 ที่เป็นของคนดังจากค่าย Virgin อย่างคุณริชาร์ดแบรนสันที่เขาได้เคยกล่าวไว้ว่า If you very want to do Something you will Find the way if you don't you will find a คือข้อความนี้ของเขาหมายความว่าถ้าคุณต้องการจะทำบางสิ่งจริงๆคุณก็จะต้องหาทางทำมันจนได้แต่ถ้าคุณไม่ต้องการทำงานหรือทำมันไม่ได้คุณก็มักจะหาแต่คำแก้ตัว

ลำดับที่ 14 ที่เป็นอีกหนึ่งคมความคิดจะคุณวิชาร์จแบตสารที่เขาได้เคยกล่าวไว้ว่า Rich People are committed To Be english for people want to Believe ซึ่งมันก็มีความหมายว่าคนรวยทั้งหลายมักจะตั้งมั่นกับการที่จะเป็นคนรวยส่วนคนจนทั้งหลายนั้นมักจะเอาแต่ต้องการที่จะเป็นคนรวยถึงเรื่องในลักษณะนี้เนี่ยสตีฟใส่โบนักเขียนผู้ร่ำรวยท่านหนึ่งได้เคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้าอยากรวยก็ต้องคิดต่างอย่างคนรวยและอย่าอายที่จะบอกใครๆว่าฉันอยากรวยเพราะมันจะเป็นพลังบวกที่ทำให้เราไปสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริง

มาถึงลำดับที่ 15 อันเป็นคำตอบที่สุดท้ายจากคุณอาชีพ mg นักธุรกิจนักลงทุนชื่อดังจากประเทศอินเดียที่เขาเคยได้กล่าวไว้ว่า If  You Are Not laughing at you go you go to small ที่มันมีความหมายว่าถ้าไม่มีผู้คนที่หัวเราะเยาะในเป้าหมายของคุณมันก็แสดงว่าเป้าหมายของคุณนั้นมันดูเล็กเกินไปมากซึ่งตรงนี้แอดมินสามารถขยายความความหมายตรงนี้ให้ชัดเจนขึ้นได้ว่าถ้าคุณมีป้อม ถึงแล้วมีคนมาหัวเราะเยาะกับความฝันของคุณนั่นก็แสดงว่าเป้าหมายของคุณนั้นมันใหญ่เพียงพอดังนั้นคุณจงอย่าใส่ใจกับเสียงหัวเราะเหล่านั้นจงมุ่งมั่นต่อไปและทำมันให้สำเร็จให้พวกเราได้เห็นความสำเร็จของคุณเท่านั้นมันก็คงเพียงพอ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทุนรวมคืออะไร มือใหม่ควรอ่าน

ความหมายของกองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวม คือ กองทุนที่รวบรวมเงินไปใช้ในการซื้อสินทรัพย์หรือตราสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในค่าเงินต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งการใช้บริการกองทุนรวมจะช่วยให้เงินของเราถูกจัดการและลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรม และมีการลงทุนอย่างเป็นระบบตามกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการแบ่งการลงทุนในแต่ละส่วนตามหลักการที่ถูกต้องของกองทุนรวม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการขาดทุนจนเกินที่จะรับได้ กองทุนรวมทุกกองทุนถูกควบคุมด้วยกฎหมายและระบบธนาคาร ไม่มีกองทุนใดมีความเสี่ยงมากเกินไปและสามารถทำกำไรให้เกิดดอกออกผลให้กับเราอย่างเหมาะสม การลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินเยอะมาก บางกองทุนมีผลตอบแทนมากถึง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากเราใจร้อนอยากได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจขอแนะนำกองทุนรวมระยะสั้นที่สามารถลงทุนและรับผลตอบแทนใน 1 ถึง 6 เดือน กองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแบ่งการลงท

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ เยอะหรือไม่ ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ แต่ว่าความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาอันนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าราคาตราสารหนี้มันแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเรายกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมุติว่าเมื่อปีที่แล้วคุณกระแตซื้อหุ้นกู้ตัวนึงที่ให้อัตราดอกเบี้ย 5% ผ่านมา 1 ปีปัจจุบันนี้ถ้าเกิดบริษัทเดิมจะออกหุ้นกู้เนี่ยเขาอาจจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์แล้วเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วจะขายปีนี้ได้ราคาก็ลดลงมาถึงไหนใช่เพราะว่าถ้าคนซื้อใหม่ก็ได้ 6% แล้วเพราะฉะนั้นนี่แหละแต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าดอกเบี้ยไม่ขึ้นแต่ถ้าดอกเบี้ยปีนี้เกิดดอกเบี้ยลมมึง เขียน ใหม่ของบริษัทเอเหลือ 4% ตัวใหม่ที่ออกมานี่ให้ดอกเบี้ยแก้อักเสบเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ขามูลค่าเพิ่มขึ้นไปแล้วอันนี้ล่ะที่เป็นความจริงๆคือราคานี้เปลี่ยนแปลงได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เปลี่ยนไปแล้วก็ถูกว่าอัตราดอกเบี้ย กองทุนเช่นสมมุติว่าลงทุนในกองทุนพันธบัตรบาทแล้วก็ถ้าโชคดีเราหรอกเรามองตลาดถูกว่าอัตราดอกเบี้ยเนี่ยมันเป็นขาลงเพราะฉะนั้นเนี่ยราคาของตัวสารหนี้