ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Warren Buffett คือใครมาอ่านกัน

ประวัติย่อๆ Warren Buffett

ประวัติย่อๆ Warren Buffett

Warren Buffett มีใครที่ไหนที่มีชื่อเล่นมากกว่าวอร์เรนบัฟเฟตต์บ้างเรียกเขาว่าเป็นบริษัทไฟแนนซ์เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้พยากรณ์ของ omaha เป็นคนค้าขายที่ซื่อตรงแห่งหนึ่งในพื้นที่เรียบง่ายนักวอลเล่และการเงินของโลกเรียกว่าเป็นราชาแห่งเครื่องประดับเพราะเขาเป็นเจ้าของร้านอัญมณีหลายร้านซึ่งรวมถึงร้านอัญมณีที่ใหญ่เป็นที่สองของสหรัฐบอนไซแห่งหนึ่งมีหนังสือหลายเล่มพยายามที่จะอธิบายถึงบุคลิกปรัชญาและสาระที่แท้จริงของนักลงทุนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จแต่คำอธิบายเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงบุคลิกที่มีเอกลักษณ์คู่นี้ได้เว้นแต่อาจจะอธิบายคำพูดของเขาเองไม่มีใครอธิบายถึงวอเรนบัฟเฟตได้แม้กระทั่งตัวของเขาเองเพราะการตระหนักเช่นนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้รวบรวมคำพังเพยและข้อสังเกตต่างๆของเขาไว้ใครคือฮีโร่ของชาวอเมริกันหรือรับบุญที่ยังมีคนการค้าคนนี้นี่คือเรื่องพื้นฐานท่านจะได้รู้รายละเอียดมากขึ้นเมื่อท่านอ่านหนังสือเล่มนี้ทั้งเล่มซึ่งเป็นการรวบรวมคำพูดของเขาเอง
เกิดวันที่ 30 สิงหาคม 1930 ในเมืองเขาเรียนชั้นประถมที่เมืองนั้นแต่ไปเรียนชั้นมัธยมต้นและปลายที่กรุงวอชิงตันดีซีเมื่อพ่อของเขาโพธิ์วัด homologous ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรถึง 4 สมัยสำหรับการเรียนระดับมหาวิทยาลัย warszawa แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียเพราะเขาไม่คิดว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรจากที่นั่นเขาโรงเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัย nakaa วิทยาเขตสิรินธรและเขาได้รับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์ในปี 1950 เขาสมัครไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแต่ถูกปฏิเสธเขาจึงได้เรียนและได้รับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 1951 และที่มหาวิทยาลัยนั้นเขาได้พบกับนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ศาสตราจารย์เบนจามินเกรแฮมซึ่งได้กลายมาเป็นทั้งเพื่อนและครูของเขาและสื่อสารทอมสันซึ่งเป็นเพื่อนบ้านในเมือง omaha แต่งงานกันในปี 1952 ทั้งคู่มีบุตรสาว 1 คนชาย 1 คนเขาอาศัยเมืองกาญเป็นเวลาหลายปีเขาเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดและรักกันแต่ความสัมพันธ์ของเขาทำให้คนจำนวนมากมันงงเสียชีวิตด้วยหัวใจวายในปี 2004 และสามีของเขาเป็นเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ในเบิกจ่าย 500 เป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจคนเป็นอย่างมากอธิบายว่าฉันเป็นคนที่มีจิตวิญญาณที่เป็นอิสระเธอพักอาศัยในซานฟรานซิสโกและเธอบอกกับฉันว่าฉันมีชีวิตเงียบๆของฉันเองร่วมกับครอบครัวและคนที่ฉันรักลบเฟสนั้นยังอยู่ในมือเขาแต่งงานใหม่เมื่อหลายปีหลังจากที่สุสานเสียชีวิตไปมีหลายสิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เขียนหนังสือวาทะของวอร์เรนบัฟเฟตต์ปี 1997 และมีหลายสิ่งที่ยังอยู่เหมือนเดิมขอเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ยังเหมือนเดิมเมื่อเวลานั้นอัพเกรดเป็นนักลงทุนที่น่าทึ่งมากที่สุดในสหรัฐและเขายังคงเป็นผู้นำของนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เขาเป็นหนึ่งในคนอเมริกันที่รวยที่สุดในเวลานั้นและเขาก็ยังเป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 2 ในเวลานี้เบิกชายหาดทะเลเป็นบริษัทซึ่งมีหุ้นราคาสูงที่สุดในเวลานั้นและยังคงเป็นเช่นนั้นในเวลานี้ยังคงได้รับเงินเดือนปีละ 100 เหรียญทำให้เขาเป็นผู้บริหารที่ได้รับเงินตอบแทน 3 ที่สุดในบรรดาบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 200 บริษัทของประเทศว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงดังที่บล็อกเฟสได้พูดเสมอเสมอว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อเบิก sinus โตขึ้นเรื่อยๆจะมีความยุ่งยากในการที่จะนำเงินสดที่มีมากเป็นภูเขาเลากาไปลงทุนเบิกไซส์ได้ขยายกิจการและ

มีนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นเมื่อบริษัท แต่สิ่งที่น่าจะการตามมากที่สุดยังคงเป็นชีวิตส่วนตัวของบัฟเฟตเองเมื่อครั้งแรกที่ฉันเขียนหนังสือเกี่ยวกับเขาบล็อกเฟสเป็นที่รู้จักของคนพอสมควรแล้วแต่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการด้านการเงินอาจจะไม่รู้จักเขาทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นบล็อกเฟสก็เข้ามาวันศุกร์กลางเวทีเมื่อเขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้กับผู้สมัครเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการรัฐแคลิฟอร์เนียอาร์โนลด์ชวาร์เซเน็กเกอร์คำว่าอยู่ในที่ที่แสงแฟลช 2 เต็มตัวเมื่อเขาบริจาคเงิน 300 ล้านเหรียญในรูปของทรัพย์สินให้กับมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ในเรื่องชีวิตส่วนตัวและเรื่องการเงินของเขากล่าวว่างานที่ใหญ่ที่สุดของเขากลายเป็นการบริหารผลกระทบที่เกิดจากตัวของเขาผลกระทบนั้นเห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เมื่อหุ้นของบริษัทนิวยอร์กไทมส์มีราคาสูงขึ้นร้อยละ 3.8 ในวันเดียวเมื่อมีข่าวลือว่ากำลังจะซื้อหุ้นของบริษัทหนังสือพิมพ์ถึงแม้ว่าเคยกล่าวว่าการหนังสือพิมพ์ไม่ใช่กิจการที่น่าสนใจในเชิงเศรษฐศาสตร์อีกต่อไปบริษัทนิวยอร์กไทมส์อาจเป็นการทดลองใจนักลงทุนในหุ้นที่ดีเช่นเขาเนื่องจากปีระหว่าง 2004-2007 ราคาของหุ้นได้ตกลงไปถึงร้อยละ 44 เหตุการณ์ทางด้านธุรกิจบางเหตุการณ์ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนนักยกตัวอย่างเช่นเฟสขายหุ้นส่วนน้อยของทีมเบสบอล omaha รอยัลอีกหลายเหตุการณ์มีความสำคัญ

และตึงเครียดเช่นการที่ตลาดหลักทรัพย์มีการแกว่งตัวอย่างรุนแรงและความยากลำบากในการซื้อบริษัท General insurance บางทีความก้าวหน้าที่น่าประหลาดใจมากที่สุดในเบิก size อาจจะเป็นการกระโดดเข้าไปลงทุนในตลาดต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเจ็บปวดในชีวิตของบัฟเฟตคนสำคัญบางคนได้เสียชีวิตไปซึ่งรวมถึงภรรยาของเขาคุณแม่เพื่อนรักเช่น Queen William and lust in regard การเสียชีวิตของซูซานได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตส่วนตัวของวอลอาทิการเปลี่ยนแปลงแผนการบริจาคเงินและการบริจาคให้มูลนิธิและลูกๆของบล็อกเฟสและมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นอย่างน้อยที่สุดโลกก็ได้เริ่มรู้จักเขาเหล่านั้นมากขึ้นเฟสยอมรับต่อสาธารณะในการตัดสินใจได้เองและความโตของลูกๆของเขาโดยการบริจาคเงินจำนวนมากให้แก่กองทุนเพื่องานการกุศลของลูกๆการบริจาคเงินไปยังกองทุนของลูกๆของเขาทำให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและความสามารถในการลงทุนของพ่อของเขาเมื่อวอร์เรนและซูซี่จัดตั้งกองทุนของลูกๆของเขาเขาให้เงินแก่มูลนิธิเหล่านั้นเป็นหุ้น Class a ของเบิกไซส์ 129 หุ้น Class D 68 หุ้นในราคาเพียงกว่า 2000 เหรียญในขณะนี้มูลค่าของหุ้นเหล่านั้นคือ 11 ล้าน 30,000 3806 เหรียญซึ่งเป็นการเติบโตถึง 11 ล้านสามแสนห้าหมื่น 1614 เหรียญหนังสือเล่มนี้จะมองหาว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้วอร์เรนบัฟเฟตต์พิเศษแตกต่างจากเศรษฐีพันล้านของโลกคนอื่นๆดอนเค็จอดีตหัวหน้าโคราชครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่าเรื่องราวชีวิตของเฟสไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองแต่เกี่ยวข้องกับค่านิยมสิ่งนี้เป็นความจริงใช่ไหมเปลี่ยนแปลงของวอร์เรนบัฟเฟตต์ประวัติการทำงานของ mosfet อธิบายในตัวของมันเองเงินทุนสำหรับการลงทุนก้อนแรกคือบริษัทบัฟพาร์ทเนอร์ชิพดำเนินกิจการตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1969 โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยก่อนหักค่าธรรมเนียม 100 ละ 3 12 ต่อปีหลังจากที่ห้างหุ้นส่วนซึ่งมีสมาชิกอยู่ร้อยคนนี้ปิดลงเฟสเริ่มเปลี่ยนเบิกไซส์จากโรงงานทอผ้าเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งเป็นพาหนะในการลงทุนที่ไม่มีสิ่งใดจะเหมือนในวอเลทเมื่อปากเกร็ด แม่ของเด็กชายหาดเฉวงหุ้นขายได้ในราคา 7.5 เหรียญต่อหุ้นบวกกับค่าคอมมิชชั่นหุ้นละ 50 เซนเฟสเข้าไปควบคุมเบิกใช้ในปี 1965 * ซื้อขายอยู่ที่ 12-15 เหรียญในปีที่ 42 ของการบริหารของบัฟเฟตต์มูลค่าการบัญชีของหุ้นของเบิกไซส์ได้เพิ่มสูงขึ้นในอัตราส่วน 2 เท่าของดัชนี s&p 500 มีหลายคนที่ได้ลงทุนกับบล็อกเฟสเมื่อเขาเริ่มบริหารเงินเขาเหล่านั้นหรือทายาทของเขาอยู่กับเราจนถึงวันนี้แม้ว่าบล็อกเฟสจะมีอิทธิพลต่อคนต่างๆอย่างมากแต่เขายังคงเป็นคนที่พูดอย่างเรียบง่ายซื่อสัตย์มองโลกในแง่ดีและมีอารมณ์ขันวรสาร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทุนรวมคืออะไร มือใหม่ควรอ่าน

ความหมายของกองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวม คือ กองทุนที่รวบรวมเงินไปใช้ในการซื้อสินทรัพย์หรือตราสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในค่าเงินต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งการใช้บริการกองทุนรวมจะช่วยให้เงินของเราถูกจัดการและลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรม และมีการลงทุนอย่างเป็นระบบตามกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการแบ่งการลงทุนในแต่ละส่วนตามหลักการที่ถูกต้องของกองทุนรวม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการขาดทุนจนเกินที่จะรับได้ กองทุนรวมทุกกองทุนถูกควบคุมด้วยกฎหมายและระบบธนาคาร ไม่มีกองทุนใดมีความเสี่ยงมากเกินไปและสามารถทำกำไรให้เกิดดอกออกผลให้กับเราอย่างเหมาะสม การลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินเยอะมาก บางกองทุนมีผลตอบแทนมากถึง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากเราใจร้อนอยากได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจขอแนะนำกองทุนรวมระยะสั้นที่สามารถลงทุนและรับผลตอบแทนใน 1 ถึง 6 เดือน กองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแบ่งการลงท

คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีอยากรวยต้องอ่าน

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี กล่าวไว้ว่าถ้าเราอยากจะเป็นแบบใครก็ให้เรียนแบบคนที่เป็นแบบนั้นซึ่งถ้าเราอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวยแล้วแล้วก็แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องเรียนรู้วิธีคิดในแบบของคนที่รวยๆดังนั้นในวันนี้แอดมินก็เลยมี 15 คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีระดับโลก 10 การมาฝากกันและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเรียนรู้วิธีคิดของเขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า เรามาเริ่มต้นกันที่คำคมแรกของวอร์เรนบัฟเฟตต์นักลงทุนผู้โด่งดังชาวอเมริกากันโดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า if you don't Find the way to make Money while You Sleep you will work Until You Die ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่จะหาเงินได้ในขณะที่คุณหลับคุณก็จะต้องทำงานไปอย่างนี้จนกระทั่งคนตายซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่คุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ต้องการที่จะสื่อไปถึงนั้นก็หน้าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการลงทุนที่มันให้ผลตอบแทนในรูปแบบของภาษีเป็นคำนั้นเองเมื่อที่ คำคมประโยคที่ 2 ที่ก็ยังเป็นของคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ที่เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า If you buy Things You don't need you will have to sell Things you need ซึ่งตรงนี้ก็สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงตัวเลยว่าถ้