วิธีการลงทุนในตราสารหนี้เพื่ออะไร

มาดูกันสิว่าการลงทุนในตลาดตราสารหนี้นั้นจริงๆแล้วทำไมผู้อ่านถึงต้องลงทุนและวิธีการควรจะเป็นอย่างไรความหมายคำว่าตราสารหนี้จริงๆแล้วคืออะไรอันนี้คืออะไรเนี่ยผู้อ่านมามองภาพใหญ่ของการลงทุนกับเวลาที่ผู้อ่านลงทุนนะรอลงทุนได้
2 รูปแบบใหญ่ๆถ้าพูดถึงเครื่องมือในตลาดเงินตลาดทุนผู้อ่านสามารถลงทุนและเป็นเจ้าของโดยการไปซื้อหุ้นสามัญได้และในขณะเดียวกันผู้อ่านสามารถลงทุนและเป็นเจ้าหนี้ได้ด้วยโดยปกติเนี่ยคนทั่วๆไปที่ยังไม่ค่อยได้ลงทุนนะเนี่ยเวลาผู้อ่านลงแบบเป็นเจ้าหนี้ก็คือการที่ผู้อ่านไปฝากเงินธนาคารแล้วผู้อ่านก็ได้ดอกเบี้ยจากธนาคารผู้อ่านก็เป็นเจ้าหนี้ของธนาคารในขณะเดียวกันธนาคารเอาเงินที่ผู้อ่านฝากรวมๆกันเข้าก็เอาไปปล่อยกู้ให้กับบริษัทก็เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทหรอวันนี้ก็เป็นการลงทุนแบบเป็นเจ้าหนี้ทั่วๆไปซึ่งผู้อ่านเรียกว่าการออมการฝากเงินแต่ว่าในหลายสิบปีหลังเนี้ยมันก็จะมีการลงทุนในลักษณะที่ฝรั่งเขาเรียก
intermediate ก็คือการเอาธนาคารออกไปจากภาพว่าเดี๋ยวนี้มันมีบริษัทที่ใหญ่ขึ้นแล้วสามารถที่จะมีความเชื่อถือในระดับที่นักลงทุนกล้าที่จะไปซื้อสารหนี้คือไปให้เขากู้โดยตรงไปเป็นเจ้าหนี้เขาโดยตรงผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าตราสารหนี้ต่างๆเกงในลักษณะอย่างนี้นะการลงทุนแบบเป็นเจ้าของหรือผู้สาวมันก็จะมีความเสี่ยงความผันผวนมีโอกาสได้ผลตอบแทนเยอะแต่มีโอกาสจะขาดทุนในบางพลีขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรและแบ่งปันผลประโยชน์ออกมาในรูปของเงินปันผลและมุมของการลงทุนในหุ้นแต่ถ้าหากว่าการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งจะแบ่งเป็นภาครัฐและภาคเอกชนว่าเป็นภาครัฐการที่ผู้อ่านไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็คือผู้อ่านเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาลรัฐบาลก็กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ผู้อ่านถ้าหากว่าผู้อ่านเป็นไปซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนมันก็มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้นานๆด้วยนะเพราะฉะนั้นเวลาที่ผู้อ่านไปลงทุนในตราสารหนี้เนี่ยสิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับคืออะไรสิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับก็คือในแต่ละงวดเนี่ยซึ่งโดยทั่วๆไปก็มักจะประมาณ
6 เดือนนะทุกๆ 6 เดือนก็จะได้ดอกเบี้ยออกมานะภายในตลาดของผู้อ่านแล้วก็ได้คูปองซึ่งอาจเช่นถ้าสมมุติว่ามีการกำหนดว่าในปีหนึ่งเนี่ยจะให้ผลตอบแทน
5% 6 เดือนก็จะออกมาประมาณ 2
เปอร์เซ็นต์ครึ่งนะเหลืออีก 6 เดือนก็ออกมาอีก 2% ครึ่งนะนี่คือลักษณะของการลงทุนในตราสารหนี้ชนิดนอกเหนือจากตัวคูปองที่ผู้อ่านได้รับในตามระยะเวลาแล้วเนี่ยอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านจะได้รับด้วยในภาพใหญ่ของการลงทุนตลอดอายุที่ผู้อ่านตั้งใจจะลงทุนก็คือเมื่อผู้อ่านได้รับคูปองมาแล้วซึ่งออกมาเป็นระยะระยะผู้อ่านสามารถจะเอาคูปองนะเนี่ยไปลงทุนต่อด้วยเพราะผู้อ่านก็ไม่ได้เก็บไว้ในเซฟเฉยๆใช่ไหมวันหลังก็เรียกวินเบสแน่นๆหน่อยแล้วก็เอาดอกเบี้ยนี้ไปลงทุนดอกเบี้ยนี้ก็จะได้ดอกเบี้ยของดอกเบี้ยนี้ก็แล้วแต่ว่าผู้อ่านจะเป็นลมทำยังไงประการที่
3 ที่จะได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ก็คือว่าสุดท้ายแล้วนะถ้าผู้อ่านถือจนครบกำหนดอายุตราสารหนี้ที่จะมีอายุเช่น
3 ปี 5 ปี 7 ปีอาจจะ 10 ปี
หรือถ้าเป็นพันธบัตรรัฐบาลก็มักจะมียาวกว่านั้นได้ด้วย
15 ปี 20 ปีหรือกระทั่งอย่างของเมืองนอกเคยมี 34 นี้เป็นต้นที่วันครบกำหนดอายุเนี่ยก็จะคืนเงินต้นกลับมาด้วยโดยปกติเนี่ยนักลงทุนถ้าเป็นนักลงทุนไทยผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เวลาที่ไปลงทุนในตราสารหนี้พันธบัตรมักจะซื้อแล้วถือจนครบอายุนะแต่ก็จะมีบางคนที่ให้ก่อนขายก่อนถ้าหากว่าขายก่อนครบอายุเนี่ยเช่นอายุ
5 ปีแต่ลงทุนไปแล้ว 2-3 ปีอยากจะขายเอาเงินกลับมาเนี่ยมันก็มีความเป็นไปได้ 2
ทางคือว่าตอนที่ขายแล้วราคามันสูงขึ้นหรือต่ำกว่าราคาตอนที่ผู้อ่านเข้าไปลงทุนใช่ไหมถ้ามันสูงขึ้นก็ได้กำไรเพิ่มถ้ามันลดลงทุนขาดทุนได้โดยที่ในโอกาสต่อไปอาจจะมีโอกาสได้คุยแต่ว่าผมพูด
ตรงนี้นิดนึงว่าเวลาที่ผู้อ่านจะกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายเนี่ยมันเกิดขึ้นกับตัวสภาวะอัตราดอกเบี้ยในขณะที่ผู้อ่านขายยกตัวอย่างเช่นถ้าสมมุติว่าหลังจากที่ผู้อ่านซื้อไปแล้วเนี่ยแล้วอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเกิดลดลงตัวผลตอบแทนของพันธบัตรในเชิงอัตราเนี่ยมันลดลงราคาของพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่จะถือไว้เนี่ยจะเพิ่มขึ้นเพราะว่าถ้าหากว่าผู้อ่านซื้อในขณะที่ดอกเบี้ยสูงแต่เมื่อเวลาผ่านไปดอกเบี้ยทั่วตลาดมันลดลงหมายความว่าไงของเดิมที่ผู้อ่านตั้งไว้เป็นของดีเพราะว่ามันให้เยอะดังนั้นถ้าหากว่าผู้อ่านมาขายในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลดลงมาแล้วผู้อ่านจะได้กำไรในทางกลับกันถ้าหากว่าหลังจากที่ผู้อ่านซื้อไปแล้วอัตราดอกเบี้ยไปในทางที่สูงขึ้นเวลาผู้อ่านขายเนี่ยผู้อ่านก็จะขาดทุนได้เพราะว่าไอ้ของที่ผู้อ่านถือเอาไว้เนี่ยมันถือว่าเป็นของที่ด้อยกว่าตลาดว่าอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนมันจะดีกว่าและราคามันก็ลดลงได้
เพราะฉะนั้นตัวระดับราคาของตราสารหนี้จึงขึ้นและลงสวนทางกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วๆไปก็คือว่ามันขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่ผู้อ่านไปซื้อหุ้นกู้ของเขาตราสารหนี้ของเขาเนี่ยมีคุณภาพของความน่าเชื่อถือดีขึ้นหรือแย่ลงด้วยถ้าหากว่าบริษัทนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสภาพที่น่าเชื่อถือขึ้นนักลงทุนรุ่นใหม่ๆหรือสภาวะตลาดก็จะยอมรับดอกเบี้ยที่น้อยลงได้นะอย่างนะเนี่ยถ้าขายในเวลาที่คุณภาพบริษัทดีขึ้นอาจจะมีกำไรก็ได้เลยในทางกลับกันถ้าคุณภาพความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลงก็มีผลกระทบในทางที่ด้อยลงไปเช่นกันอันนี้ก็เป็นปัจจัยพื้นฐานเวลาที่ผู้อ่านเข้าไปซื้อขายตราสารหนี้นะถ้าหากว่ามันเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของราคาอัตราดอกเบี้ยและความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นๆด้วยนะผมกลับมาบ้างนะเนี่ยเวลาที่ผู้อ่านไปลงทุนในตราสารหนี้วันที่
1 ผู้อ่านจะได้ดอกเบี้ยที่จ่ายมาเป็นระยะระยะโดยทั่วไปทุกๆ
6 เดือนแต่จะมีบางอันที่ออกทุก 3
เดือนบางอันที่ออกปีละครั้งก็เป็นแต่ส่วนใหญ่เนี่ยจะเป็นครึ่งปีจ่ายครั้งหนึ่งอาจารย์ที่
2 ดอกเบี้ยที่ผู้อ่านได้รับนั้นถ้าผู้อ่านบริหารจัดการดีๆแล้วก็ไปลงทุนและได้ดอกเบี้ยต่อประกันที่
3 ถ้าหากว่าเธอจะถือแล้วครบกำหนดแล้วได้เงินต้นคืนถ้าถือไประหว่างทางแล้วขายก็มีแค่เป็นโรคเวรหรือกำไรจากส่วนต่างหรือแคปปิตอลได้จากการลงทุนในตราสารหนี้จริงๆเรื่องของการลงทุนในตราสารหนี้ดูเหมือนจะมีแต่ก็ดีหมดเลยนะแต่ว่าถ้าเกิดผู้อ่านต้องไปลงทุนจริงๆในมุมมองของธนาสนใจมองว่าทำไมผู้อ่านถึงต้องไปลงทุนในตราสารหนี้เลยไม่นอนเลยเครื่องมือการลงทุนในโลกแต่มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อกี้เนี่ยเวลาผมเปรียบเทียบระหว่างหุ้นสามัญกับตัวตราสารหนี้เนี่ยต้องบอกว่ามันพูดซะมันมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาวโดยที่ผันผวนกว่าสารหนี้ก็ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าในระยะยาวปันผลน้อยกว่าด้วยแต่ความเสี่ยงมีไหมมีเหมือนกันอยู่ที่คุณภาพบริษัทอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดถ้าถามว่าแล้วเวลาที่ผู้อ่านไปลงทุนในตราสารหนี้เนี่ยตราสารหนี้ทำหน้าที่ทางการเงินอะไรให้ผู้อ่านได้บ้างอยากจะเล่นกับพี่ว่าผมเชื่อในเรื่องของการลงทุนโดยมุ่งวัตถุประสงค์เวลาที่ผู้อ่านจะไปลงทุนนั้นผู้อ่านต้องมีความเข้าใจก่อนมาผู้อ่านจะลงทุนเพื่ออะไรนะแล้วก็ถ้าจะถามว่าลงทุนในตราสารหนี้ลงทุนเพื่ออะไรภาษานี้จะให้ประโยชน์กับผู้อ่านในรูปแบบไหนบ้างอยาก
จะยกมา 3
หน้าที่หลักๆด้วยกันสามารถจะเลือกอ่านแล้วแต่ว่ามันมันคิดกับความตั้งใจของผู้อ่านหรือเปล่าก็คือตราสารหนี้สามารถเป็น
Income คือรายได้ให้กับผู้อ่านได้คำว่าเอ็งทำก็คือการสร้างกระแสเงินให้กับผู้อ่านนะสร้างรายได้ให้กับผู้อ่านซึ่งปกติเนี่ยเวลาที่ผู้อ่านพูดถึง
Income นะถ้าเป็นหุ้นสามัญเงินปันผลเนี่ยจัดอยู่ในเรื่องของอินคําการใช้กระแสอะไรได้ในโลกของตราสารหนี้ก็คือตัวดอกเบี้ยหรือคูปองนั้นนะหรือเงินฝากก็เหมือนกันก็เป็นดอกเบี้ยมันก็ให้
Income หรือกระแสรายได้นั้นเป็นประการแรกถ้าหากว่าผู้อ่านอยากจะได้การลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับกลางๆหน่อยไม่ถึงขนาดหุ้นและมีกระแสรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอตราสารหนี้เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์อันนี้ได้ค่อนข้างดีเพราะว่าเลยกำหนดไว้ว่า
Income จะเป็นเท่าไหร่ดังนั้นเองเนี่ยเวลาผู้อ่านพูดตราสารหนี้
ภาษาอังกฤษภาษาวิชาการทั่วไปจะใช้คำว่า Fixed Income infant
ก็หมายความว่าใช่ตัวรายได้นั้นถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกหน้าที่ประกันชั้น 1
ของตราสารหนี้คือเป็นรายการที่ 2
เนี่ยคือหน้าที่ของการช่วยกระจายความเสี่ยงและทำให้พับลงทุนของผู้อ่านหรือที่ฝรั่งเรียก
portfolio ของการลงทุนของผู้อ่านเนี่ยมีอัตราผลตอบแทนที่ไม่ผันผวนจนเกินไปมีความเกษียณมีความเสถียรมากขึ้นซึ่งผมมีสไลด์จะให้ดูหน่อยนะสไลด์
occasion หรือการกระจายความเสี่ยงด้วยสินทรัพย์นี้นะจะรวบรวมมานะใน 16
ปีของตลาดเงินตลาดทุนไทยโดยที่ผู้อ่านมีขวามือสุดเนี่ยเป็น set index
หรืออัตราผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์เป็นลักษณะที่รวมทั้งผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาและเงินปันผลด้วยรวมทั้งหมดเลยแล้วก็ตรงกลางเนี่ยก็คือบอลก็คือดัชนีพันธบัตรของผู้อ่านนะแล้วก็ซ้ายมือเนี่ยจะเป็นช็อตเทอร์บอนนะก็จะเป็นตัวพันธบัตรระยะสั้นอายุ
1-3 ปีถ้าผู้อ่านดูจากข้อมูลเหล่านี้นะผมจะขยายเฉพาะ
4 ปีเด่นๆขึ้นมาให้ดูจะเห็นได้ว่าในถ้าเป็นตลาดหุ้นเนี่ยใน 16
ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นติดลบเกิน 10% เนี่ยอยู่ถึง 3 ครั้งนะแล้วก็มีติดลบเล็กๆน้อยๆอีก
2 ครั้งนะผม 5 ครั้งด้วยกันส่วนตัวดัชนีพันธบัตรนี้ใน 16 ปีนี้เนี่ยมีติดลบเกิน 1%
2 ครั้งแค่ 2 ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นเองแล้วก็มีติดลบเล็กๆน้อยๆในปี 2005
อีกนิดนึงแต่ว่าโดยทั่วไปแล้วเนี่ยไม่ได้ติดลบแล้วถ้าหากว่าเป็นตัวต่อสารหนี้ระยะสั้นเนี่ยก็ไม่ได้ติดลบเลยในแต่ละปีที่ผ่านมาณที่นี้ถ้ามาดูเฉพาะ
4 ปีที่ผมได้วงเอาไว้ให้ดูเนี่ยนะผู้อ่านจะเห็นได้ว่าปี 2000 กับปี 2008
เนี่ยเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในประเทศไทยติดลบ 43% ในปี 2000 และติดลบ 44% ในปี
2008 สังเกตไหมว่าใน 2 ปีนะเนี่ยตัวพันกว่าบาทนะได้ผลตอบแทน 14
เปอร์เซ็นต์และพันธบัตรระยะสั้นเนี่ยได้ผลตอบแทนประมาณ 70% ในปี 2008 พันธบัตรได้
18% เศษ
ในขณะที่พันธบัตรระยะสั้นได้ผลตอบแทนประมาณ
70% กว่านั่นหมายความว่านักลงทุนที่มีทัพลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นบางส่วนแล้วก็ตัวตัดบางส่วนเนี่ยก็จะสามารถเลือกกันได้ในปีที่ผ่านมาคุณแย่ที่นี่นั่นคือสงสัยว่า
1 กับ 3 ปีนี้มาดู 2 กับ 4 บ้างอันที่ 2 กับ 4 เนี่ยผู้อ่านจะเห็นว่าเป็นปีที่ตัวพันกว่าบาทเองติดลบ
2 เปอร์เซ็นต์กว่าแล้วก็ 4 เปอร์เซ็นต์แต่ในขณะเดียวกันผู้อ่านจะพบว่าตลาดหุ้นเนี่ยได้ผลตอบแทน
+ 120 + 60
กว่าเปอร์เซนต์สลับกันเป็นทีมที่สามารถจะช่วยเหลือกันในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดนะอันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่าเวลาที่ผู้อ่านจัดกองทัพของการลงทุนในสิ่งที่สำคัญคือผู้อ่านอยากจะให้ลงทุนของผู้อ่านนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าในปีที่ดีแล้วก็อยากได้ดีหน่อยนึงแต่ว่าให้พี่ที่ไม่ดีเนี่ยผู้อ่านอยากจะให้มันมีการป้องกันตัวบ้างมีการลดความเสี่ยงความผันผวนลงบ้างลักษณะอย่างนี้เนี่ยผู้อ่านจะเห็นว่าเมื่อผู้อ่านลงทุนในประเภทสินทรัพย์ที่มีทั้งความเป็นเจ้าของหุ้นสามัญและความเป็นช่วงนี้อย่างตราสารหนี้นั้นมันจะเกิดการเลือกกันได้ดีพอสมควรจะแน่นอนนะว่าอันนี้เป็นรูปของตัวพันธบัตรนะถ้าหากว่าเป็นตัวของผู้อ่านนี่มันก็คงขึ้นอยู่กับตัวผู้ออกในแต่ละรายนั้นด้วยว่ามีข้อแม้หรือความน่าเชื่อถือเป็นยังไงบ้างแต่ว่าในภาพรวมๆแล้วเนี่ยการกระจายความเสี่ยงได้เป็นเป็นประโยชน์ที่สำคัญที่มาจากการลงทุนในตราสารหนี้ในทัพใหญ่ของผู้อ่านด้วยและเป็นที่สองของหรือว่าหน้าที่ประกันที่
2
ของการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยงในภาพรวมที่ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าถ้าหากว่าผู้อ่านจะจัดกองทัพของการลงทุนโดยที่มีหุ้นบางส่วนและมีอัตราสารหนี้พันธบัตรบางส่วนเนี่ยในตัวอย่างที่ผมยกนี้นะก็จะให้เห็นเป็นสีโมเดลด้วยกันนะขวามือสุดคือลงทุน
100% 100% เนี่ย 16 ปีที่ผ่านมาผลตอบแทนเฉลี่ยคือประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์นะในขณะที่ปีที่ดีที่สุดใน
+ 120 ปีที่เลวร้ายที่สุดโลก 14 นะแต่ถ้าหากว่าเป็น 3 อันที่ผมยกให้เห็นเนี่ยนะจะเป็นการลงทุน
15 หรือ 30 หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ซึ่งตัวถ้าหากว่าผู้อ่านลงทุน 60
เปอร์เซ็นต์เหลืออีก 40% ซื้อช็อตเทอมบอลหรือพันธบัตรระยะสั้นนี้นะผลตอบแทนเฉลี่ยจะเป็น
10% นะขอเป็น 10 เปอร์เซ็นต์แน่นอนแล้วจะเห็นได้ว่าตัวปีที่ต่ำสุดเนี่ยลดลงเหลือติดลบ
23 ซึ่งถ้าสังเกตให้ดีจาก - 44 ในปีที่เลวร้ายที่สุดของหุ้น 100% มาเป็นลด 23%
ในปีที่เลวร้ายที่สุดของการที่มีหุ้น 60 และมีการตัด 40
เนี่ยถือว่าความเยอะพอสมควรแล้วถ้าหากว่าเป็นโมเดลที่มีหุ้น 30
แล้วพันธบัตรระยะสั้น 70 เนี่ยจะเหลือติดลบปีที่แย่ที่สุด 7% กว่าและถ้าหากว่าเป็น
15 เปอร์เซ็นต์นะมีที่แย่ที่สุดนี่ติดลบประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์นะโดยที่ถ้าผู้อ่านดูที่ค่าเฉลี่ยผมชอบตัวเลขชุดนี้ผู้อ่านจะเห็น 6 8
10 และ 12 เครื่องแบบมาสำหรับถอดที่มีหุ้น 15 มีพันธบัตรระยะสั้น 85 58
สำหรับขอดที่มีหุ้น 30 พันธบัตรระยะสั้น 70 10 สำหรับขอดที่มีหุ้น 60
แล้วพันธบัตรระยะสั้น 40 60 80 และ 12
สำหรับนักลงทุนนี้ท่านสามารถจะดูจากตัวเลขคร่าวๆตรงนี้แล้วพอจะนึกออกว่าผู้อ่านน่าจะลงทุนโดยใช้โมเดลประมาณไหนที่จะเหมาะกับความเสี่ยงที่ผู้อ่านรับได้แล้วให้ผู้อ่านลงทุนได้ผสมศักยภาพของผู้อ่านลงทุนที่ดีเนี่ยไม่ใช่ลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่สูงที่สุดและเป็นภาพลงทุนที่ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนดีสมศักดิ์ศักยภาพของผู้อ่านและเวลาที่มันผันผวนก็เป็นความผันผวนในระดับที่ผู้อ่านรักได้นอนหลับไม่ตัดสินใจผิดพลาดไปเพราะว่าความตกใจสมุดบัญชีเงินเดือนเข้าบัญชีบัตรเครดิตซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งใน
Application หรือถ้าหากว่ามันมีเงินเหลือมากกว่านั้นผู้อ่านสามารถที่จะเลือกไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นและมีโอกาสของคนตอบแทนมากขึ้นก็ได้แต่ว่าเงินที่อยากจะจัดการสภาพคล่องและเข้าออกง่ายก็ควรจะอยู่ในกองทุนรวมตลาดเงินหรือการสารหนี้ระยะสั้นตัวอย่างที่แนะนำมาให้กับผู้ชมรายการนะแต่ก็มีการลงไปลึกกว่านี้พูดถึงจะทำมากกว่านี้ด้วยนะวันนี้หาเรื่องของตลาดตราสารหนี้น่าจะทำให้หลายคนเลิกกังวลไปได้แล้วก็มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องของการจัดภาพการลงทุนในตลาดของตราสารหนี้กันไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น