ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตราสารหนี้ ชนะเงินเฟ้อ

ตราสารหนี้ ชนะเงินเฟ้อได้หรือไม่

ตราสารหนี้ ชนะเงินเฟ้อได้หรือไม่


ตราสารหนี้ ชนะเงินเฟ้อ หัวข้อที่ว่าสิ่งที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของตราสารหนี้กันสวัสดีสวัสดีจะเป็นทางคนอินเรื่องของอัพเดทวันนี้เนี่ยมาเลยคือตอนนี้จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่ว่าจะในประเทศหรือว่าต่างประเทศจะเห็นว่าทางฝั่งรัฐบาลไทยเองก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆมากมายเลยทำให้คนเริ่มหันมาสนใจเรื่องของการลงทุนมากขึ้นในมุมมองของเองทำไมคนปัจจุบันถึงต้องลงทุนด้วยก็คำถามนี้ทำไมถึงต้องลงทุนจริงๆแล้วการลงทุนเนี่ยมันก็คือการนำเงินสะสมมาทางเพื่อไปสร้างผลตอบแทนสำหรับการใช้จ่ายในอนาคตของเรานั่นเองเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเงินของเราแล้วก็เป็นการสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้นแล้วก็ยังเป็นการรักษามูลค่าเงินของเราด้วยให้สามารถที่จะชดเชยเงินเฟ้อได้เพราะว่าไม่งั้นตอนนี้เรามีเงิน 100 บาท เอาเงินเก็บไว้เฉยๆไม่ได้ลงทุนปีหน้าเราไม่สามารถไม่ได้แล้วลองทานกาแฟไม่ได้เพราะฉะนั้นนี้แหละคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงจำเป็นที่ต้องลงทุนเพื่อที่จะรักษาอำนาจซื้อให้กับเงินของเราสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเงินของเราแล้วก็นำไปสู่การสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองก็คือในระยะยาวและทำยังไงให้เราสามารถทำให้เงินของเรานี่มันเศร้าได้ทั้งเงินเฟ้อแล้วก็สามารถใช้จ่ายได้แบบที่เราต้องการด้วยจ่ายสร้างผลตอบแทนแล้วก็นำไปสู่ความมั่งคั่งแต่ว่าคนส่วนใหญ่พอเวลาพูดถึงเรื่องของการลงทุนเขาจะนึกว่ามันมีความเสี่ยงมันก็เสี่ยงมากมันก็เสี่ยงน้อยความเสี่ยงต่างๆในเรื่องของการลงทุนถ้าคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงเขาลงทุนได้ไม่ออกเลยที่จริงการลงทุนมีหลายรูปแบบมีตั้งแต่การลงทุนที่เสี่ยงน้อยแล้วก็ผลตอบแทนก็น้อยด้วยไป

จนกระทั่งถึงการลงทุนที่เสี่ยงมากๆแต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยไม่ว่าจะชอบความเสี่ยงหรือไม่ชอบฟังเสียงก็สามารถลงทุนได้ทั้งนั้นแต่ว่าเลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับเราถ้าเกิดว่าชอบเสียงน้อยก็สามารถที่จะไม่ว่าจะเป็นการฝากแบงค์เป็นดอกเบี้ยก็ได้เหมือนกันเพราะตอนนี้คุ้มครองเงินฝากอยู่หรือว่าซื้อพันธบัตรรัฐบาลโอกาสที่เราจะไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้นนี้ก็คือไม่มีเลยเพราะว่ารัฐบาลกำลังตีไวสลากออมสินเองก็ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่เสียงหน่อยถ้าเสียงระดับกลางๆขึ้นมาเนี่ยสามารถที่จะรับได้ก็อาจจะไปลงทุนซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนหรือแม้แต่ยังหุ้นปันผลก็ได้ถ้าเสี่ยงได้มากขึ้นกว่านั้นก็ไปซื้อลงทุนในส่วนของหุ้นเก็งกำไรหรือว่าลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้เป็นเจ้าของบริษัทกันได้อันนี้หรือว่าแต่ละคนเนี่ยประเมินออกมาแล้วตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหนถ่ายแล้วก็ไม่ลืมกดของการลงทุนที่ว่าหายไปหายไปเถอะยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนที่ดีมาเอาคืนด้วยแต่ว่าพอเราพูดถึงเรื่องของการลงทุนสถานีขนส่งใหญ่มักจะเข้าใจว่ามันมีความเสี่ยงแต่เสียงน้อยเพราะใจไม่ถูกหรือผิดคุณเลยคุณจึงตราสารหนี้เนี่ยก็มีตั้งแต่การตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐแล้วก็มีแต่ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนเพราะฉะนั้นเนี่ยความเสี่ยงนี้มีความแตกต่างกันจากสารหนี้โดยชื่อมันจริงๆเนี่ยภาษาอังกฤษเนี่ยเขาจะเรียกว่า Fixed Income คืออะไรก็คือว่ามีการใช่อินคำคมที่มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเพราะฉะนั้นโดยหลักการเนียตอาสานี่เป็นการลงทุนที่เสียน้อยเพราะความผันผวนระหว่างทางน้อยเนื่องจากผลตอบแทนได้มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วจะจ่ายเท่าไหร่ซื้อพันธบัตรหุ้นกู้ของบริษัทปูนซีเมนต์กำหนดไว้ว่าจะจ่ายดอกเบี้ยเรา 4% ไม่ว่าปูนซีเมนต์จากกำไรมากกำไรน้อยในปีนั้นๆยังไงก็สาย 4 เปอร์เซ็นต์เท่าเดิมไม่ใช่ว่าเขากำไรเยอะจะจ่ายแล้วเพิ่มขึ้นหรือว่าเขากำไรน้อยแล้วจะขอลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ทำโดยหลักการเนี้ยความผันผวนของตราสารหนี้เนี่ยถือว่าน้อยเพราะมีการกำหนดผลตอบแทนเป็นการล่วงหน้าแล้วในออฟฟิศเองเท่านั้นเองจริงๆแล้วเรื่องของความเสี่ยงเนี่ยมันก็มาส่งคนละ

เรื่องของการลงทุนเหมือนกันคือถ้าเกิดเราต้องมาลงทุนในตราสารหนี้เนี่ยมันจะเกิดความเสี่ยงอะไรขึ้นได้บ้างความเสี่ยงหลักๆของการลงทุนในตราสารหนี้เนี่ยจริงๆมีหลายอย่างที่อาจจะไปแต่บางอย่างเนี่ยเป็นความเสี่ยงพวกส่วนประกอบได้เล็กน้อยๆแต่ว่าที่อยากจะให้ให้น้ำหนักกันเนี่ยมีความเสี่ยงรักๆอยู่ 2 อย่างอันแรกเนี่ยก็คือความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้อันนี้สำคัญที่สุดเลยเพราะว่าโอกาสที่เราจะไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือก้อนเงินต้นเลยเนี่ยอันนี้คือความเสี่ยงตรงนี้แล้วก็อีกความเสี่ยงนึงเนี่ยก็คือความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยซึ่งทำให้ราคาตราสารหนี้เปลี่ยนแปลงไปสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จริงแล้วเนี่ยอยากจะให้พิจารณาก่อนลงทุนก็คือความเสี่ยงอันแรกคือความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งตัวนี้เนี่ยถ้าเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือว่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเนี่ยตัดความเสี่ยงมีไปได้เลยเพราะว่ารัฐบาลไม่เบี้ยวหนี้ตัวเองแน่นอนยากมากเลยที่เจอเหตุการณ์นี้เคยเกิดมาแล้วที่ผ่านมาไม่มีประเทศไหนที่เขาผิดนัดชำระหนี้ในเงินสกุลของตัวเองเราจะอาจจะเคยได้ยินก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเรื่องของกรีซหรือว่าเรื่องของบราซิลที่โดน downgrade ไปก็ยังไม่ได้ผิดนัดหรือว่าอาจจะมีบ้างที่เป็นการผิดนัดเมื่อสมัยก่อนบางประเทศขอไม่เอ่ยชื่อที่ผิดนัดชำระหนี้ในสกุลต่างประเทศแต่ถ้าเกิดในประเทศไทยของเราเองยังไม่เคยเกิดกรณีนี้เลยยังไม่เท่าที่ทราบยังไม่เคยได้ยินเลยเพราะฉะนั้นความเสี่ยงอันนี้เนี่ยสำคัญที่สุดเลยแต่ว่าถ้าผู้ออกเป็นรัฐบาลที่ว่าในความเสียงไม่มีแต่ถ้าผู้ออกเป็นเอกชนความเสี่ยง เรื่องนี้เนี่ยก็จะไปขึ้นอยู่กับฐาการเงินความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละบริษัทเพราะฉะนั้นนักลงทุนถ้าจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนที่เราเรียกว่าหุ้นกู้เนี่ยตัวช่วยก็คือเราดูได้ดูความเสี่ยงตรงนี้ได้จากตัวอันอันดับเรตติ้งการจัดอันดับประเทศที่ใช้สารใดเป็นตัวช่วยนักลงทุนเลยตัวที่ได้เรตติ้งสูงก็คือหลายตัวนี้ตอนนี้สูงสุดก็คือ A3 ตัวเองใช้แล้วก็ลองลงไปก็คือ 2 ตัวนี้ตัวเดียวแล้วก็ถ้าลงไปก็จะเป็น B B 3 ตัวมี 2 ตัววี 1 ตัวซึ่งอันดับที่ที่เราเรียกว่า Investment Grade หรือระดับที่ลงทุนได้เนี่ยก็คือคิดว่าดีขึ้นไปปี 3 ตัวขึ้นไปอาจจะลงไปถึงบี 3 ตัวแล้วก็มีประจุเป็นเลขลบก็ได้อันนี้ยังเข้าข่ายที่ว่าลมหาได้ก็คือถ้าเกิดอยู่ในอันดับตั้งแต่ตี 3 ตัวติดลบได้อันเนี้ยไร่ขึ้นไปอย่างน่าสนใจในการลงทุนอยู่แต่ว่าแต่ว่าน้องส่วนสามัญบางแห่งเขาก็มีการกำหนดเหมือนกันว่าจะซื้อหุ้นกู้เนี่ยเรตติ้งขั้นต่ำเนี่ยบางคนเนี่ยค่อนข้างอนุรักษ์นิยมมากหน่อยก็จะกำหนดไว้ค่อนข้างสูงเช่น a - ขึ้นไปก็ได้ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้แต่ว่าเรื่องของการขนาดนี้ก็มีหลายเจ้าเหมือนกันใช่ป่ะในการเข้ามาช่วยดูแลเรื่องของการจัดอันดับของนี้สร้างสถาบันจัดอันดับตอนนี้บ้านเรามีอยู่ 2 แห่งก็คือซึ่งทุกคนอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้วชุดเซตติ้งกับฟิทช์เรทติ้งไทยแลนด์ซึ่งก็คือบริษัทแม่ก็คือ fish ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยนักลงทุนได้อันนี้คือความเสี่ยงอันแรกเรื่องของการถึงการชำระดีที่ควรจะต้องดูได้อย่างเรื่องที่ 2 เรื่องของเราอันนี้ต้องดูยังไงอ่ะคือบางคนนี้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซื้อเช่นอาจจะไปซื้อกองทุนพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศเช่นปฏิบัติรัฐบาลสหรัฐจะตามคำ 7 อันแรกเนี่ยเรื่องของการผิดเนี่ยขอทราบว่ามันน้อยอยู่แล้วมันไม่มีมันเป็นไรโอกาสที่จะเกิดขึ้นเนี่ยแทบเป็นไปไม่ได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทุนรวมคืออะไร มือใหม่ควรอ่าน

ความหมายของกองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวม คือ กองทุนที่รวบรวมเงินไปใช้ในการซื้อสินทรัพย์หรือตราสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในค่าเงินต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งการใช้บริการกองทุนรวมจะช่วยให้เงินของเราถูกจัดการและลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรม และมีการลงทุนอย่างเป็นระบบตามกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการแบ่งการลงทุนในแต่ละส่วนตามหลักการที่ถูกต้องของกองทุนรวม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการขาดทุนจนเกินที่จะรับได้ กองทุนรวมทุกกองทุนถูกควบคุมด้วยกฎหมายและระบบธนาคาร ไม่มีกองทุนใดมีความเสี่ยงมากเกินไปและสามารถทำกำไรให้เกิดดอกออกผลให้กับเราอย่างเหมาะสม การลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินเยอะมาก บางกองทุนมีผลตอบแทนมากถึง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากเราใจร้อนอยากได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจขอแนะนำกองทุนรวมระยะสั้นที่สามารถลงทุนและรับผลตอบแทนใน 1 ถึง 6 เดือน กองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแบ่งการลงท

คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีอยากรวยต้องอ่าน

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี กล่าวไว้ว่าถ้าเราอยากจะเป็นแบบใครก็ให้เรียนแบบคนที่เป็นแบบนั้นซึ่งถ้าเราอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวยแล้วแล้วก็แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องเรียนรู้วิธีคิดในแบบของคนที่รวยๆดังนั้นในวันนี้แอดมินก็เลยมี 15 คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีระดับโลก 10 การมาฝากกันและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเรียนรู้วิธีคิดของเขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า เรามาเริ่มต้นกันที่คำคมแรกของวอร์เรนบัฟเฟตต์นักลงทุนผู้โด่งดังชาวอเมริกากันโดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า if you don't Find the way to make Money while You Sleep you will work Until You Die ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่จะหาเงินได้ในขณะที่คุณหลับคุณก็จะต้องทำงานไปอย่างนี้จนกระทั่งคนตายซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่คุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ต้องการที่จะสื่อไปถึงนั้นก็หน้าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการลงทุนที่มันให้ผลตอบแทนในรูปแบบของภาษีเป็นคำนั้นเองเมื่อที่ คำคมประโยคที่ 2 ที่ก็ยังเป็นของคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ที่เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า If you buy Things You don't need you will have to sell Things you need ซึ่งตรงนี้ก็สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงตัวเลยว่าถ้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ เยอะหรือไม่ ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ แต่ว่าความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาอันนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าราคาตราสารหนี้มันแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเรายกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมุติว่าเมื่อปีที่แล้วคุณกระแตซื้อหุ้นกู้ตัวนึงที่ให้อัตราดอกเบี้ย 5% ผ่านมา 1 ปีปัจจุบันนี้ถ้าเกิดบริษัทเดิมจะออกหุ้นกู้เนี่ยเขาอาจจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์แล้วเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วจะขายปีนี้ได้ราคาก็ลดลงมาถึงไหนใช่เพราะว่าถ้าคนซื้อใหม่ก็ได้ 6% แล้วเพราะฉะนั้นนี่แหละแต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าดอกเบี้ยไม่ขึ้นแต่ถ้าดอกเบี้ยปีนี้เกิดดอกเบี้ยลมมึง เขียน ใหม่ของบริษัทเอเหลือ 4% ตัวใหม่ที่ออกมานี่ให้ดอกเบี้ยแก้อักเสบเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ขามูลค่าเพิ่มขึ้นไปแล้วอันนี้ล่ะที่เป็นความจริงๆคือราคานี้เปลี่ยนแปลงได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เปลี่ยนไปแล้วก็ถูกว่าอัตราดอกเบี้ย กองทุนเช่นสมมุติว่าลงทุนในกองทุนพันธบัตรบาทแล้วก็ถ้าโชคดีเราหรอกเรามองตลาดถูกว่าอัตราดอกเบี้ยเนี่ยมันเป็นขาลงเพราะฉะนั้นเนี่ยราคาของตัวสารหนี้