ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ เยอะหรือไม่

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ เยอะหรือไม่

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ แต่ว่าความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาอันนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าราคาตราสารหนี้มันแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเรายกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมุติว่าเมื่อปีที่แล้วคุณกระแตซื้อหุ้นกู้ตัวนึงที่ให้อัตราดอกเบี้ย 5% ผ่านมา 1 ปีปัจจุบันนี้ถ้าเกิดบริษัทเดิมจะออกหุ้นกู้เนี่ยเขาอาจจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์แล้วเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วจะขายปีนี้ได้ราคาก็ลดลงมาถึงไหนใช่เพราะว่าถ้าคนซื้อใหม่ก็ได้ 6% แล้วเพราะฉะนั้นนี่แหละแต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าดอกเบี้ยไม่ขึ้นแต่ถ้าดอกเบี้ยปีนี้เกิดดอกเบี้ยลมมึงเขียนใหม่ของบริษัทเอเหลือ 4% ตัวใหม่ที่ออกมานี่ให้ดอกเบี้ยแก้อักเสบเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ขามูลค่าเพิ่มขึ้นไปแล้วอันนี้ล่ะที่เป็นความจริงๆคือราคานี้เปลี่ยนแปลงได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เปลี่ยนไปแล้วก็ถูกว่าอัตราดอกเบี้ย กองทุนเช่นสมมุติว่าลงทุนในกองทุนพันธบัตรบาทแล้วก็ถ้าโชคดีเราหรอกเรามองตลาดถูกว่าอัตราดอกเบี้ยเนี่ยมันเป็นขาลงเพราะฉะนั้นเนี่ยราคาของตัวสารหนี้ในกองทุนก็จะเพิ่มมากขึ้นและเราก็มีโอกาสได้ส่วนกำไรนอกเหนือจากตัวดอกเบี้ยบนหน้าตัวเรายังมีโอกาสได้กำไรจากการลงทุนด้วยการกำไรจากราคาส่วนต่างของราคาซื้อราคาขายด้วยแต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้เหมือนกันแต่ว่าต้องบอกว่าความผันผวนจากราคาตรงนี้ก็คงไม่ได้อยู่ในระดับที่มากเหมือนกับการลงทุนในหุ้นหรือรวมทั้งหมดเลยจะมีได้ 2 ส่วนสำหรับเรื่องของ

ผลตอบแทนหนึ่งคือในอัตราดอกเบี้ยที่เขาระบุไว้อันนี้ 2 ผืนราคา 159 บาทเองวันนี้เราก็ต้องมาดูดูว่าตัวเราเองมีศักยภาพในการมองขนาดนั้นไหมว่าในอนาคตแนวโน้มจะเป็นยังไงได้แล้วถ้าเราถือพันธบัตรเราซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่เพิ่งติดจำหน่ายไปซึ่งอาจจะจำหน่ายอยู่ไม่แน่ใจว่าต้นทรัพย์ที่กำลังขายอยู่เนี่ยแล้วเราถือจนครบกำหนดความเสี่ยงอันแรกคือความเสี่ยงในการปิดนั้นไม่มีอยู่แล้วอย่างที่บอกว่ามันลำบากหาคำ 7 วันที่ 2 ความเสี่ยงจากการแบ่งส่วนของราคาว่าปีหน้าดอกเบี้ยจะขึ้นไหมเนี่ยแต่ถ้าเกิดเราไม่ยังไม่ได้ขายในตลาดรองตัวนี้ก็ยังไม่มีถ้าเราคิดว่าจะถือจนครบกำหนดเช่นกันสะบัดอายุ 3 ปี 5 ปีนี้ก็ครบกำหนด 3 ปีหรือ 5 ปีเงินต้นที่เราได้คืนก็ยังคบกันอยู่ตามจำนวนใช้ก็ยังคงอยู่ที่เราจะมองเรื่องของอัตราดอกเบี้ยอย่างที่เราเคยเขียนกันไปก็ต้องมองถึงสภาพตลาดข้างนอกด้วยอันนี้ก็มีผลต่อเรื่องของพันธบัตรด้วยใช่ไหมก็คือในส่วนของอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่จะมีผลต่อราคาของตราสารหนี้ก็ยังต้องอย่าลืมว่าราคาแปรผกผันกับตัวอัตราดอกเบี้ยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราเขียนกันไปว่าตอนนี้เราเห็นเหมือนกันว่านิวพาวเวอร์เข้ามาออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนมีเยอะมากขึ้นอันนี้อยากให้ช่วยอธิบายหน่อยเพราะว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรอาการมันเป็นยังไงบ้างช่วงหลังๆนี้เราจะเห็นว่าจริงๆแล้วเป็นทางเลือกของผู้ลงทุนเลยเหมือนกันคือนอกเหนือจากตัวพันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกมาจำหน่ายให้กับประชาชนแล้วเนี่ยแล้วก็ยังมีทางเลือกของภาคเอกชนที่เข้าออกหุ้นกู้ออกมาขายให้กับประชาชนมากมายคืนเลยซึ่งผู้ที่ขายเนี่ยก็มีตั้งแต่ระดับอย่างปตทเส้นตรงให้เป็น A3 ตัวก็มีตั้งแต่ปูนซีเมนต์ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะจำกัดขายให้กับผู้ถือหุ้นกู้เดิมของเขาแต่หลังๆก็จะมีหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทหน้าใหม่ๆเยอะมากปีที่ผ่านมาเลยครับปีนี้ 9 เดือนแรกเนี่ยเราเห็นแล้วว่ามีผู้ออกใหม่ที่เขาเรียกว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนที่ไม่เคยออกหุ้นกู้มาก่อนเลยแล้วก็บอกให้พูดในปีนี้มากถึง 32 บริษัทเพิ่มขึ้นเท่าตัวเลยเท่าตัวจากเมื่อปีที่แล้วจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีประมาณ 17 บริษัทเท่านั้นเองอันนี้ก็ถือว่าเป็นเป็นพัฒนาการหมายของตลาดที่จริงแล้วในแง่ของผู้ลงทุนก็มีทางเลือกผู้ลงทุนเองก็เข้าถึงทุนได้มากขึ้นสาเหตุที่ทำให้มี New Cover เยอะมากขึ้นขนาดนี้เกิดจากอะไรครับส่วนนึงก็ต้องบอกว่าทางอบตเอง

ก็มีการสังเกตเหมือนกันว่าหุ้นกู้ที่มีการเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบันหรือว่าผู้ลงทุนรายใหญ่เนี่ยก็มีขั้นตอนต่างๆที่ง่ายขึ้นและก็ส่วนหนึ่งในขั้นตอนนั้นก็คือเรื่องของการจัดเรตติ้งว่าถ้าขายให้กับที่เราเรียกว่า AI คือ administer ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุน High Network เนี่ยไม่ต้องมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือก็ได้มีการเปิดช่องให้มากยิ่งขึ้นไปฉันก็ทำให้การออกอาจจะมีความสะดวกขึ้นซึ่งเนื่องจากว่าคุณ 3 วันเองเนี่ยเขาก็มีความสามารถในการวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของออกได้ดีอยู่แล้วเอาเป็นผู้ลงทุนสถาบันก็น่าจะมีทีมงานมีศักยภาพพอสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่อาจจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีสินทรัพย์มากๆมีเงินลงทุนอันนี้เนี่ยก็อาจจะมองว่าเขาสามารถที่จะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากเสียงกลางหรือรับความเสี่ยงต่ำก็ได้ก็จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เพิ่มขึ้นมาให้หลังๆแล้วก็เลยจะเห็นมีหุ้นผู้ที่ออกมาแล้วเสนอขายตรงควรจะถามว่าทำไมเขาไม่ขายกับรายย่อยเขาจะมีการจำกัดว่าขายให้เฉพาะรายใหญ่และสถาบันอันนี้แหละคือเหตุผลเพราะว่าทางการเองก็อยากจะจำกัดวงเหมือนกันว่าคนที่จะซื้อก็ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเรานั้นด้วยที่ไม่ได้แปลว่ามีความเสี่ยงมากหรือว่าเป็นในแง่ลบใช่ไหมจริงๆแล้วไอ้เบสมันคืออะไรคุณบอยเนี่ยจริงๆบางคนอาจจะไปเชื่อมโยงกับคำว่าจังมอญแต่ยังต้องบอกว่ามันก็ไม่ได้แปลแบบนั้นไปทีเดียวใช่มันก็คือแบบนั้นแล้วกันไม่ใช่แบบนั้นสักทีเดียวดีกว่าเพราะเพราะอะไรเพราะจริงๆ undress เนี่ย บอกว่าเป็นหุ้นกู้ที่อาจจะมีความเสี่ยงคือความเสี่ยงที่อาจจะสูงใช่ให้ผลตอบแทนที่สูงแต่ว่าบางส่วนก็จะเป็นบริษัทที่เรียกว่าอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้วเป็นจดทะเบียนจดทะเบียนอาจจะต้องการที่จะลดต้นทุนถ้าไม่ต้องการจัดเรตติ้งเพราะเนื่องจากว่าอาจจะมองว่าคนรู้จักอยู่แล้วก็มีเพราะฉะนั้นมันก็มีประกอบการทั้ง 2 ส่วนถือว่าเป็นทางเลือกของเขาเหมือนกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพอไม่จัดเรตติ้งผู้ลงทุนเองต้องทำการบ้านทำการบ้านไปหาอะไรเพิ่มเลยได้บ้างเลยใช่เพราะว่าพ่อไม่มีเรตติ้งเป็นตัวช่วยเพราะว่าเรตติ้งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือก็ทำการบ้านให้เราแล้วเราบอกเรามาว่าระดับไหนแล้วเราค่อยมาดูว่าเราพร้อมจะซื้อแบบนั้นมั้ยแต่ถ้าไม่มีเรตติ้งเลยแล้วก็ทำการบ้านเองก็คือเราก็ต้องไปดูฐาการเงินดูงบการเงินของเขาดูข้อมูลของผู้ออกตราสารนั้นเพราะฉะนั้นก็ต้องไปดูว่าลักษณะธุรกิจของเขาก็ทำอะไรผู้ออกเขาเป็นใครความสามารถในการชำระหนี้ความสามารถในการขันในการหารายได้ของเขาเป็นยังไงภาระหนี้สินคดีความต่างๆเขามีไหมจะส่งผลอย่างไรกับเงินของเราแนำข้อมูลเหล่านี้เพื่อที่จะมาบอกว่าเขาจะชำระหนี้ให้กับเรามีความสามารถในการชำระหนี้ให้กับเราตามกำหนดหรือเปล่าก็คือจะต้องไปเป็นความเสี่ยงอันดับแรกที่ทางทะเลของไปเมื่อกี้ว่าจะทำยังไงให้เขาไม่มีโอกาสผิดนัดเท่านั้นเองหาข้อมูลมาประกอบ

ใช้ครั้งจึงจะดูว่าผลตอบแทนคนเห็นผลตอบแทนโอเคซื้อเลยยังไม่รู้เลยว่าบริษัทนี้ทำอะไรน่ากลัวซึ่งตรงนี้ข้อมูลต่างๆก็มีเปิดเผยด้วยส่วนนึงแต่ถ้าเกิดเราเข้าไปดูแล้วข้อมูลมันยังไม่น่าสนใจก็เป็นเงินเราเองเราก็ยังมีโอกาสอย่างที่บอกไปช่วงนี้นิวคำว่าออกมาใหม่ด้วยมีตัวเลือกทางการลงทุนอย่างมากเลยด้วยเกิดฤดูตอนนี้หุ้นกู้ประเภทใหม่ๆที่ออกมามีอะไรน่าสนใจบ้างไหมครับจริงๆน่าสนใจหรือเปล่าขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนเองเนี่ยรับความเสี่ยงได้ขนาดไหนยังไงก็หลังๆเนี่ยมีทางเลือกข่าวหุ้นกู้ในเยอะขึ้นนอกเหนือจากกันอย่างที่ว่าแล้วเนี่ยก็ยังมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์อาจจะเคยได้ยินชื่อนี้จริงๆหลายๆอย่างนี้ออกมาแล้วถ้าจะเป็นกสิกรธนชาติทิสโก้เองก็มีการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์นี้จะใช้เป็นเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์จากว่าเราอาจจะเคยได้ยินเกณฑ์ basel มันจะได้เคยได้ยินไหมอธิบายเพิ่มเติมคือเป็นหลักเกณฑ์สากลจะเป็นในเรื่องของการใช้ในการเป็นมาตรฐานในการกำกับดูแลเสถียรภาพของสถาบันการเงินซึ่งตามภายใต้หลักเกณฑ์ basel เนี่ยธนาคารจะต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มมากขึ้นเลยใช้หลักการเดียวกันหมดเป็นสากลและพัฒนาการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ประเภทนี้ซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขเหล่านี้เขาจะสามารถนับเป็นเงินกองทุนของธนาคารได้มันก็จะมีกับเราจะเห็นธนาคารธนาคารก็มีการทยอยออกมาซึ่งถามว่าคนที่จะเข้าไปลงทุนหุ้นส่วนใหญ่จะเสนอขายนักลงทุนสถาบันและต้องทำรายใหญ่เหมือนกันความเสี่ยงหรอหรือว่ายังไงก็ส่วนนึงก็อาจจะเป็นในเรื่องของเกณฑ์ของทางกกต. ด้วยว่าภายใต้เงื่อนไขของกลตเนี่ยมันจะมีคือขายรายย่อยได้แต่จะมีเงื่อนไขรายละเอียดบางอย่างที่เพิ่มเติมขึ้นมาเพราะฉะนั้นที่ผ่านมาเราจะเห็นส่วนใหญ่จะเสนอขายแก่สถาบันกับรายใหญ่ตั้งแต่ตัวไม่ใช่ซึ่งการที่จะเข้าไปซื้อเดี๋ยวนี้รายใหญ่บ้านเราเยอะคนที่ติดต่อสอบถามมาที่ไหนก็เป็นบุคคลธรรมดานี่แหละแต่เข้าข่ายเป็นรายใหญ่เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องทำความเข้าใจ

เหมือนกันเพราะว่าคุณได้สิทธิ์ก็เหมือนกับทุกๆไปแปลว่าสิทธิ์ในการได้รับคืนนี่ก็จะได้ทีหลังกับเจ้าหนี้สามัญทั่วไปในกรณีที่ผู้ออกมีปัญหาล้มละลายเดี๋ยวเช็ควันนี้ทั่วไปนั้นจะเป็นในเรื่องของความเป็นผู้นำแต่พ่อเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็นเงินกองทุนเนี่ยอันนี้มันจะมีเงื่อนไขจะสอนเพิ่มเติมขึ้นมาคือเนื่องจากเป็นเงินกองทุนได้เนี่ยตามเกณฑ์ของทางธนาคารแห่งประเทศไทยไหมแล้วก็ทำเองเนี่ยก็จะบอกว่าเขาจะต้องสามารถที่จะรองรับผลขาดทุนของธนาคารได้ด้วยแล้วว่าถ้าสมมุติว่าธนาคารเนี่ยเกิดผิดพลาดขึ้นมาเกิดไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ทางการต้องเข้าช่วยเหลือพรุ่งนี้อาจจะถูกลดหนี้หรือไร้ดาวตัดเป็นหนี้สูญทั้งจำนวนหรือบางส่วนได้แสดงว่ามันความเสียงก็มีเหมือนกันแต่ว่าจะเกิดขึ้นได้น้อยมากเลยแล้วมีการการันตีแบบนี้เข้ามาด้วยใช่คือแปลว่าถ้าธนาคารมีปัญหาขึ้นมาเราอาจจะที่เราลงทุนไว้แล้วเราคิดว่าเราทำไป 100 บาทสมมุติว่าทางธนาคารมีปัญหาเป็นชาติต้องเข้ามาช่วยจ่ายเงินเข้ามาช่วยเนี่ยอาจจะลดหนี้ของเราในสัก 100 ต้องคืนเราอาจจะเหลือ 50 เหลือ 25 เป็นไปได้อาจจะเกิดขึ้นน่าจะน้อยมากเพราะว่าปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์เราแข็งแกร่งมากเงินกองทุนเรา เยอะแต่ว่าอันนี้เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนพอเพราะว่านั่งเขียนกับกว่านี้จริงๆแล้วเรื่องรายละเอียดของการลงทุนตราสารหนี้เยอะเหมือนกันคนเข้าเมืองต่างๆในไทยเป็นเองก็พยายามที่จะนำเสนอให้กับคุณผู้อ่านมาโดยตลอดอยากได้เลยที่เห็นเว็บไซต์ให้ละเอียดเยอะขึ้นเดี๋ยวนี้เข้าถึง Facebook ด้วยเหมือนกันจริงๆเขามาดีๆแบบนี้เดี๋ยวมาเขียนกันต่อแล้วกันวันนี้เขาก็รักตัวเล็กมากๆเลยยินดีสวัสดีพี่บอกไปว่าเรื่องของตราสารหนี้รายละเอียดมันมีค่อนข้างเยอะเลยยังไงศึกษาก่อนการลงทุนเป็นวิธีทางเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทุนรวมคืออะไร มือใหม่ควรอ่าน

ความหมายของกองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวม คือ กองทุนที่รวบรวมเงินไปใช้ในการซื้อสินทรัพย์หรือตราสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในค่าเงินต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งการใช้บริการกองทุนรวมจะช่วยให้เงินของเราถูกจัดการและลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรม และมีการลงทุนอย่างเป็นระบบตามกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการแบ่งการลงทุนในแต่ละส่วนตามหลักการที่ถูกต้องของกองทุนรวม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการขาดทุนจนเกินที่จะรับได้ กองทุนรวมทุกกองทุนถูกควบคุมด้วยกฎหมายและระบบธนาคาร ไม่มีกองทุนใดมีความเสี่ยงมากเกินไปและสามารถทำกำไรให้เกิดดอกออกผลให้กับเราอย่างเหมาะสม การลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินเยอะมาก บางกองทุนมีผลตอบแทนมากถึง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากเราใจร้อนอยากได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจขอแนะนำกองทุนรวมระยะสั้นที่สามารถลงทุนและรับผลตอบแทนใน 1 ถึง 6 เดือน กองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแบ่งการลงท

คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีอยากรวยต้องอ่าน

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี กล่าวไว้ว่าถ้าเราอยากจะเป็นแบบใครก็ให้เรียนแบบคนที่เป็นแบบนั้นซึ่งถ้าเราอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวยแล้วแล้วก็แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องเรียนรู้วิธีคิดในแบบของคนที่รวยๆดังนั้นในวันนี้แอดมินก็เลยมี 15 คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีระดับโลก 10 การมาฝากกันและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเรียนรู้วิธีคิดของเขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า เรามาเริ่มต้นกันที่คำคมแรกของวอร์เรนบัฟเฟตต์นักลงทุนผู้โด่งดังชาวอเมริกากันโดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า if you don't Find the way to make Money while You Sleep you will work Until You Die ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่จะหาเงินได้ในขณะที่คุณหลับคุณก็จะต้องทำงานไปอย่างนี้จนกระทั่งคนตายซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่คุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ต้องการที่จะสื่อไปถึงนั้นก็หน้าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการลงทุนที่มันให้ผลตอบแทนในรูปแบบของภาษีเป็นคำนั้นเองเมื่อที่ คำคมประโยคที่ 2 ที่ก็ยังเป็นของคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ที่เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า If you buy Things You don't need you will have to sell Things you need ซึ่งตรงนี้ก็สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงตัวเลยว่าถ้