ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสียภาษีเท่าไรกับเงินเดือน

เงินเดือนเท่าไรเสียภาษี

เงินเดือนเท่าไรเสียภาษี



เรื่องของการเสียภาษีที่เข้ามาก็มันจะถามกันว่าคนเราเนี่ยคะมีรายได้เท่าไหร่เนี่ยต้องเริ่มต้นเสียภาษีหรือบางคนก็ออกแนวบ่นนิดนึงทำไมรายได้ก็นิดเดียวมันต้องเสียภาษีด้วยหรอที่จริงแล้วเนี่ยมันก็ตอบชัดๆไม่ได้หรอกว่ารายได้เท่าไหร่เริ่มต้นเสียภาษีเพราะว่าคนเราเลยต่อให้รายได้เท่ากันเป๊ะเลยก็ใช่ว่าจะเสียภาษีเท่ากันเพราะว่าแต่ละคนก็มีค่าใช้จ่ายแล้วก็รายการหักที่เรียกว่าค่าลดหย่อนแตกต่างกันเพราะฉะนั้นคนแต่ละคนที่มีค่าลดหย่อนแตกต่างกันก็เป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะต้องถึงเกณฑ์เสียภาษีในขณะที่บางคนก็อาจจะยาวจ๊ะที่นี่ก็คือเงินเดือนทั้งหลายพวกเราน่าจะต้องรู้จักวิธีคิดคำนวณภาษีกันสักหน่อยโดยปัจจุบันวิธีคิดภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือนเราเรียกว่าเงินได้สุทธิขีดเส้นใต้คำว่าสุทธิเลยเพราะว่าเขาไม่ได้มองที่รายได้เขาจะต้องมองรายได้หลังจากการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆคิดเป็นเงินได้รู้ว่าใครที่มีเงินได้สุทธิเยอะก็ต้องเสียภาษีเยอะและใครที่มีการเสียภาษีน้อยตามด้วยวิธีการคำนวณเขาก็จะรวมรายได้ของเราทั้งปีเลยรวมรายได้ทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนโอทีคอมมิชชั่นโบนัสรวมทั้งหมดทั้งขี่จากนั้นก็หักด้วยค่าใช้จ่ายซึ่ง

มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราเขาให้เหมาคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทจากนั้นก็หักด้วยค่าลดหย่อนโดยเบื้องต้นได้สรรพากรท่านก็จะให้ค่าลดหย่อนส่วนตัวไว้ที่ 60,000 บาทถ้าเรามีค่าลดหย่อนอื่นก็เอาไปหักได้เลยมาที่เช่นดอกเบี้ยบ้านเบี้ยประกันชีวิตเงินซื้อกองทุนรวมกองทุนประกันสังคมกองทุนกบขกองทุนสํารองเลี้ยงชีพลดหย่อนลูกจิปาถะอยากจะเข้าไปให้หมดเลยสุดท้ายปลายทางเมื่อหักลบเรียบร้อยก็จะเหลือเป็นเงินได้สุทธิซึ่งตามกฎหมายปัจจุบันเลยคนที่มีเงินได้สุทธิยังไม่ถึง 10,000 บาทก็ยังไม่ต้องเสียภาษีหรือพูดอีกอย่างก็คือเสียภาษีในอัตรา 0% ดังนั้นเลยถ้าคนคนนึงยังไม่มีค่าลดหย่อนใดๆเลยแล้วเรามีรายได้รวมทั้งปียังไม่เกิน 300,000 บาทหรือคิดตกเฉลี่ยต่อเดือน 20,000 5833 บาทแล้วเราก็ยังไม่ต้องเสียภาษีแม่ดีใจล่ะสิๆเลยไม่ใช่ว่ารายได้ของเรายังไม่ถึงเกณฑ์จะต้องเสียภาษีแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเพราะว่ากฎหมายกำหนดไว้ว่าคนที่มีรายได้รวมทั้งปีตั้งแต่ 1 000 บาทขึ้นไปนั้นต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาความหมายก็คือยืดแล้วอาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้แต่ถ้ามีรายได้เกิน 2 ไม่ยื่นโดนปรับ



เสียภาษีเท่าไรกับเงินเดือน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทุนรวมคืออะไร มือใหม่ควรอ่าน

ความหมายของกองทุนรวม คืออะไร กองทุนรวม คือ กองทุนที่รวบรวมเงินไปใช้ในการซื้อสินทรัพย์หรือตราสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในค่าเงินต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งการใช้บริการกองทุนรวมจะช่วยให้เงินของเราถูกจัดการและลงทุนด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญต้องมีใบอนุญาต ผ่านการอบรม และมีการลงทุนอย่างเป็นระบบตามกฎหมาย และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการแบ่งการลงทุนในแต่ละส่วนตามหลักการที่ถูกต้องของกองทุนรวม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการขาดทุนจนเกินที่จะรับได้ กองทุนรวมทุกกองทุนถูกควบคุมด้วยกฎหมายและระบบธนาคาร ไม่มีกองทุนใดมีความเสี่ยงมากเกินไปและสามารถทำกำไรให้เกิดดอกออกผลให้กับเราอย่างเหมาะสม การลงทุนในกองทุนรวมจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินเยอะมาก บางกองทุนมีผลตอบแทนมากถึง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่หากเราใจร้อนอยากได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจขอแนะนำกองทุนรวมระยะสั้นที่สามารถลงทุนและรับผลตอบแทนใน 1 ถึง 6 เดือน กองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี ผู้เชี่ยวชาญแบ่งการลงท

คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีอยากรวยต้องอ่าน

คำคม ความคิดของมหาเศรษฐี กล่าวไว้ว่าถ้าเราอยากจะเป็นแบบใครก็ให้เรียนแบบคนที่เป็นแบบนั้นซึ่งถ้าเราอยากจะเป็นคนที่ร่ำรวยแล้วแล้วก็แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องเรียนรู้วิธีคิดในแบบของคนที่รวยๆดังนั้นในวันนี้แอดมินก็เลยมี 15 คำคมจากความคิดของมหาเศรษฐีระดับโลก 10 การมาฝากกันและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเรียนรู้วิธีคิดของเขาไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า เรามาเริ่มต้นกันที่คำคมแรกของวอร์เรนบัฟเฟตต์นักลงทุนผู้โด่งดังชาวอเมริกากันโดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า if you don't Find the way to make Money while You Sleep you will work Until You Die ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่จะหาเงินได้ในขณะที่คุณหลับคุณก็จะต้องทำงานไปอย่างนี้จนกระทั่งคนตายซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่คุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ต้องการที่จะสื่อไปถึงนั้นก็หน้าจะเป็นการทำธุรกิจหรือการลงทุนที่มันให้ผลตอบแทนในรูปแบบของภาษีเป็นคำนั้นเองเมื่อที่ คำคมประโยคที่ 2 ที่ก็ยังเป็นของคุณวอร์เรนบัฟเฟตต์ที่เขาได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า If you buy Things You don't need you will have to sell Things you need ซึ่งตรงนี้ก็สามารถแปลได้ง่ายๆแบบตรงตัวเลยว่าถ้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้

ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ เยอะหรือไม่ ความเสี่ยงใน ตราสารหนี้ แต่ว่าความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนของราคาอันนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าราคาตราสารหนี้มันแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดเรายกตัวอย่างง่ายๆว่าสมมุติว่าเมื่อปีที่แล้วคุณกระแตซื้อหุ้นกู้ตัวนึงที่ให้อัตราดอกเบี้ย 5% ผ่านมา 1 ปีปัจจุบันนี้ถ้าเกิดบริษัทเดิมจะออกหุ้นกู้เนี่ยเขาอาจจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์แล้วเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วจะขายปีนี้ได้ราคาก็ลดลงมาถึงไหนใช่เพราะว่าถ้าคนซื้อใหม่ก็ได้ 6% แล้วเพราะฉะนั้นนี่แหละแต่ในทางกลับกันถ้าเกิดว่าดอกเบี้ยไม่ขึ้นแต่ถ้าดอกเบี้ยปีนี้เกิดดอกเบี้ยลมมึง เขียน ใหม่ของบริษัทเอเหลือ 4% ตัวใหม่ที่ออกมานี่ให้ดอกเบี้ยแก้อักเสบเพราะฉะนั้นแปลว่าหุ้นกู้ที่คุณกระแตซื้อเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ขามูลค่าเพิ่มขึ้นไปแล้วอันนี้ล่ะที่เป็นความจริงๆคือราคานี้เปลี่ยนแปลงได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เปลี่ยนไปแล้วก็ถูกว่าอัตราดอกเบี้ย กองทุนเช่นสมมุติว่าลงทุนในกองทุนพันธบัตรบาทแล้วก็ถ้าโชคดีเราหรอกเรามองตลาดถูกว่าอัตราดอกเบี้ยเนี่ยมันเป็นขาลงเพราะฉะนั้นเนี่ยราคาของตัวสารหนี้